วิธีการป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม
วิธีการป้องกันและบรรเทาน้ำท่วมมีอยู่หลายวิธี โดยแต่ละวิธีจะมีความเหมาะสมกับสภาพท้องที่ ความสามารถในการป้องกันหรือบรรเทาน้ำท่วม การส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อม และธรรมชาติ ตลอดจนค่าลงทุนและผลประโยชน์ที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง จึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาและศึกษารายละเอียดต่างๆ ดังกล่าวให้รอบคอบเสียก่อน
วิธีการป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
https://www.thaiwatersystem.com จะนำพาท่านมาทำความรู้จักกับวิธีแรก การก่อสร้างคันกั้นน้ำเลียบทางน้ำ กันก่อนนะครับ

การก่อสร้างคันกั้นน้ำเลียบลำน้ำ
เป็นวิธีการป้องกันน้ำท่วมที่นิยมทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยการก่อสร้างคันดินกั้นน้ำขนาดเล็กซึ่งมีขนาดความสูงไม่มากนัก ให้มีแนวขนานกับลำน้ำและอยู่ห่างจากขอบตลิ่งเข้าไปเป็นระยะพอประมาณ เพื่อกั้นน้ำที่มีระดับสูงกว่าตลิ่งไม่ให้ไหลบ่าเข้าไปท่วมพื้นที่ต่างๆ ตามที่ต้องการการป้องกันน้ำท่วมโดยวิธีการก่อสร้างคันกั้นน้ำเลียบลำน้ำ จึงนับเป็นวิธีการป้องกันน้ำมิให้ไหลล้นตลิ่งออกไปท่วมพื้นที่ให้ได้รับความเสียหายโดยตรง เหมือนกับการเสริมสร้างขอบตลิ่งของลำน้ำในบริเวณนั้นให้มีระดับความสูงมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มเนื้อที่หน้าตัดของลำน้ำให้มีขนาดใหญ่พอที่จะระบายน้ำไหลหลากจำนวนมาก ให้ไหลผ่านพื้นที่บริเวณนั้นไปโดยไม่ท่วมพื้นที่ดังกล่าวให้ได้รับความเสียหายเช่นแต่ก่อน
ในการวางโครงการก่อสร้างคันกั้นน้ำมีหลักเกณฑ์ทางวิชาการที่สมควรพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสม ดังนี้
1. ความสูงของคันกั้นน้ำ คันกั้นน้ำที่สร้างจะต้องมีระดับหลังคันสูงพ้นระดับน้ำท่วมสูงสุด ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นตามรอบปีที่กำหนดในการออกแบบเสมอ สำหรับในกรณีที่มีการก่อสร้างคันกั้นน้ำเลียบตามแนวสองฝั่งลำน้ำ ขนาดความสูงและระยะห่างของคันกั้นน้ำที่บริเวณสองฝั่งลำน้ำจะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน ให้มีความเหมาะสมในด้านต่างๆ กล่าวคือ ในกรณีก่อสร้างคันกั้นน้ำเลียบไปตามแนวสองฝั่งลำน้ำ คันกั้นน้ำที่มีขนาดความสูงไม่มาก จะต้องสร้างให้มีแนวที่ห่างจากตัวตลิ่งของลำน้ำเข้าไปมากๆ โดยให้มีพื้นที่ที่จะถูกน้ำท่วมตามบริเวณสองฝั่งลำน้ำเป็นบริเวณกว้างมากกว่าการก่อสร้างคันกั้นน้ำที่ มีขนาดความสูงมากซึ่งสร้างอยู่ตามแนวใกล้ขอบตลิ่ง ส่วนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและค่าดูแลรักษา คันกั้นน้ำที่มีขนาดความสูงมากย่อมจะเสียค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างรวมทั้งค่าดูแลรักษามากกว่าคันกั้นน้ำที่มีขนาดความสูงไม่มากนักดังนั้นในการวางโครงการจึงต้องมีการพิจารณาทางด้านเศรษฐกิจศาสตร์ร่วมกับทางด้านวิศวกรรมเพื่อเปรียบเทียบถึงค่าลงทุนในการก่อสร้าง กับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการป้องกันพื้นที่ขอบตลิ่งในกรณีก่อสร้างคันกั้นน้ำซึ่งมีขนาดความสูงแตกต่างกันด้วย เพื่อพิจารณากำหนดขนาดความสูงและแนวคันกั้นน้ำได้อย่างเหมาะสม
2. ขนาดของคันกั้นน้ำ คันกั้นน้ำส่วนใหญ่จะก่อสร้างด้วยดินถมบดอัดแน่น โดย มีรูปร่างลักษณะเหมือนกับเขื่อนดิน แต่คันกั้นน้ำจะทำหน้าที่กักกั้นน้ำอยู่เป็นครั้งคราว จึงมีความแตกต่างไปจากเขื่อนดินที่ต้องกักกั้นน้ำไว้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ คันกั้นน้ำจึงมีลักษณะคล้ายกับคันดินถนนทั่วไปที่ทำหน้าที่กักกั้นน้ำไว้ด้วยเป็นครั้งคราวนั่นเอง ในการออกแบบเพื่อกำหนดขนาดและรูปร่างของคันกั้นน้ำ มีหลักเกณฑ์โดยทั่วไปว่าจะต้องคำนึงถึงความแข็งแรงของตัวคันกั้นน้ำเพื่อให้มีสภาพคงทนใช้งานได้นานปี ตัวคันกั้นน้ำจะต้องมีขนาดและความเอียงลาดของคันดินทั้งสองด้านที่มีสภาพมั่นคงแข็งแรงในการทรงตัวอยู่ได้เสมอ โดยไม่เลื่อนทลายทั้งในช่วงเวลาที่ทำการกักกั้นน้ำและในขณะที่น้ำมีระดับลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ขนาดของคันกั้นน้ำที่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอนั้น โดยทั่วไปควรมีความลาดเทในอัตราส่วน ตั้ง:ราบ = 1:3 สำหรับลาดคันด้านที่กั้นน้ำ และตั้ง:ราบ = 1:2:4 สำหรับลาดคันอีกด้านหนึ่ง ส่วนความกว้างของหลัง คันกั้นน้ำในกรณีให้รถยนต์วิ่งได้ควรมีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 4 เมตร แต่สามารถลดขนาดความกว้างให้เหลือเพียง 2.5 เมตร ได้ เมื่อไม่ต้องการใช้หลังคันเป็นทางรถวิ่ง
3. ระบบระบายน้ำภายในพื้นที่หลังคันกั้นน้ำ เนื่องด้วยคันกั้นน้ำที่ก่อสร้างมักจะตัดผ่านร่องน้ำและทางน้ำต่างๆ ซึ่งจะต้องมีการก่อสร้างท่อระบายน้ำหรือประตูระบายน้ำเพื่อการระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้สะดวก พร้อมกับติดตั้งบานประตูบังคับน้ำไว้ทุกแห่ง เพื่อป้องกันน้ำจากภายนอกเข้าไปท่วมพื้นที่ด้านในอีกด้วย
แหล่งที่มา สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน เล่นที่ 12