คู่มือ Fog Nozzle / Jet Nozzle / Fire Hose Nozzle
พร้อมข้อดีของระบบควบคุมแรงดันอัตโนมัติ
ในปี 2025 งานด้านความปลอดภัยอัคคีภัยมีการพัฒนามากขึ้น ผู้ใช้งานต้องคำนึงถึง:
ประเภทของพื้นที่
ระดับแรงดันของระบบ
ประเภทของไฟที่อาจเกิดขึ้น
วัสดุของหัวฉีด
ความเข้ากันได้กับสายดับเพลิงและปั๊มน้ำ
หัวฉีดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้น้ำไม่ถึงจุดเกิดเหตุ แรงดันตก หรือเกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้
บทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกหัวฉีดที่ ถูกต้อง ปลอดภัย และเหมาะสมกับงาน พร้อมคำอธิบายระบบควบคุมแรงดันอัตโนมัติที่จำเป็นต่อระบบดับเพลิงทุกรูปแบบ
นอกจากการดูประเภทหัวฉีด แรงดัน และวัสดุแล้ว การเลือกหัวฉีดน้ำดับเพลิงให้ “ตอบโจทย์ภาคสนามจริง” ยังต้องพิจารณาปัจจัยเชิงลึกอีกหลายอย่างที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลอย่างมากต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบดับเพลิงทั้งหมด โดยเฉพาะในปี 2025 ที่อาคาร โรงงาน และพื้นที่สาธารณะมีความซับซ้อนมากขึ้น
อาคารสูงและโรงงานโล่งมีความต้องการหัวฉีดแตกต่างกัน:
อาคารสูง จำเป็นต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำที่ลดลงตามชั้น การเลือก Fire Hose Nozzle ที่ทนทานและรองรับแรงดันสูงเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง
โรงงานหรือคลังสินค้า ที่มีพื้นที่เปิดโล่งและวัสดุไวไฟจำนวนมากควรใช้ Jet Nozzle ที่ส่งแรงดันได้ไกลและเจาะทะลุเปลวไฟได้ดี
พื้นที่แคบหรือทางเดินเล็ก เหมาะกับ Fog Nozzle เพราะให้ละอองละเอียด ลดควันความร้อน ทำให้มองเห็นชัดขึ้น
ไม่ใช่แค่แรงดัน แต่ “ปริมาณน้ำ” ก็สำคัญมาก เพราะระบบดับเพลิงที่ปล่อยน้ำได้น้อยเกินไปอาจดับไฟไม่ได้จริง
การเลือกหัวฉีดต้องสัมพันธ์กับปริมาณของปั๊มดับเพลิง เช่น:
ปั๊ม 1–2 แรงม้า (HP) → เหมาะกับ Fog Nozzle
ปั๊ม 3–5 HP → เหมาะกับ Jet Nozzle
ปั๊ม 7.5 HP ขึ้นไป → ใช้กับ Hydrant + Fire Hose Nozzle ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากปริมาณน้ำต่ำ แต่ใช้หัวฉีดแบบ Jet ที่ต้องใช้แรงดันสูง → น้ำจะไม่พุ่งและทำงานผิดประสิทธิภาพทันที
แม้หัวฉีดจะดีแค่ไหน แต่ถ้าผู้ใช้ไม่ถนัด การทำงานก็จะไม่เต็มประสิทธิภาพ เช่น:
Fog Nozzle ใช้งานง่าย มือใหม่ใช้ได้
Jet Nozzle ต้องควบคุมแรงดี เพราะแรงส่งสูง
Fire Hose Nozzle ต้องมีทักษะจับสายดับเพลิงร่วมด้วย
ดังนั้นสถานที่ที่มีคนทั่วไปหรือพนักงานที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงควรใช้ Fog Nozzle มากกว่า
หัวฉีดที่ดีต้อง เข้ากันได้กับอุปกรณ์อื่น ได้แก่:
ขนาดเกลียวของหัวฉีด
ชนิดเกลียว (BSP / NPT)
ประเภทสายดับเพลิง
วาล์วควบคุมแรงดัน
อุปกรณ์ Fire Hydrant
หากเลือกผิดเพียงจุดเดียว เช่น เกลียวไม่ตรง สายน้ำจะรั่วทันที และแรงดันจะตกลงอย่างรวดเร็ว
ในปี 2025 สถานประกอบการส่วนใหญ่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน NFPA หรือมาตรฐานท้องถิ่น เช่น มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
หัวฉีดที่ไม่มีมาตรฐานรับรองไม่ควรใช้เด็ดขาด เพราะอาจเกิดความเสียหายรุนแรงเมื่อเจอแรงดันจริง
ในประเทศไทยนิยมใช้หลัก ๆ 3 ประเภท ดังนี้:
หัวฉีดแบบ Fog Nozzle ใช้เทคนิคการสเปรย์น้ำให้เป็นละอองฝอยละเอียด ช่วยลดอุณหภูมิพื้นที่ไฟไหม้ได้อย่างรวดเร็ว และใช้ในพื้นที่ภายในอาคารที่ต้องการลดความร้อนก่อนเข้าควบคุมเพลิง
จุดเด่น
ลดอุณหภูมิไฟได้เร็วที่สุด
ช่วยบดบังความร้อนให้เจ้าหน้าที่เข้าใกล้พื้นที่ไฟไหม้
ปรับรูปแบบและความหนาแน่นของละอองน้ำได้
ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับเจ้าหน้าที่ทั่วไป
เหมาะกับ
อาคารสำนักงาน
บ้านพักอาศัย
ร้านอาหาร ห้องครัว
โรงแรม และพื้นที่ปิด
แรงดันที่เหมาะสม
5–7 บาร์ (Bar)
ออกแบบมาสำหรับการยิงน้ำระยะไกล ให้แรงดันสูงและรูปแบบเส้นน้ำที่เจาะทะลุเปลวไฟได้ดี เหมาะกับพื้นที่เปิดหรือพื้นที่ที่ต้องการฉีดน้ำจากระยะห่าง
จุดเด่น
ยิงไกลมาก 10–25 เมตร
แรงดันสูง มีพลังต่อเนื่อง
ควบคุมทิศทางน้ำง่าย
ใช้ได้ดีในงานอุตสาหกรรม
เหมาะกับ
โรงงานอุตสาหกรรม
คลังสินค้า
พื้นที่กลางแจ้ง
งานดับเพลิงพื้นที่โล่ง
แรงดันแนะนำ
7–10 บาร์ขึ้นไป
เป็นหัวฉีดมาตรฐานที่ใช้คู่กับสายดับเพลิงผ้าใบหรือสายดับเพลิงชนิดต่าง ๆ นิยมใช้ในห้าง โรงงาน โรงแรม อาคารสูง และพื้นที่ที่มีระบบ Fire Hydrant
จุดเด่น
ทนทาน แข็งแรงมาก
รองรับแรงดันสูง
ใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
มีให้เลือกแบบเปิด–ปิดเร็ว (Ball Valve / Lever / Twist)
เหมาะกับ
งานราชการ งานเทศบาล
โรงงานขนาดใหญ่
อาคารพาณิชย์
จุด Hydrant และระบบดับเพลิงถาวร
แรงดันแนะนำ
8–12 บาร์
หัวฉีดดับเพลิงจะทำงานได้ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแรงดันที่ปั๊มสามารถส่งให้
ถ้าแรงดันต่ำ → น้ำไม่ถึงจุดไฟไหม้
ถ้าแรงดันสูงเกิน → หัวฉีดพัง หรือผู้ใช้ควบคุมไม่ได้
ดังนั้นจึงควรมี ระบบควบคุมแรงดันอัตโนมัติ (Automatic Pressure Control)
ระบบควบคุมแรงดันอัตโนมัติเป็นหัวใจสำคัญสำหรับงานดับเพลิง เพราะช่วยให้:
แรงดันคงที่ตลอดเวลา
ป้องกันแรงดันกระชาก ลดโอกาสปั๊มเสีย
ช่วยยืดอายุการใช้งานของหัวฉีดและสายดับเพลิง
ทำให้น้ำออกสม่ำเสมอ ควบคุมทิศทางง่าย
ลดความเสี่ยงอันตรายต่อผู้ใช้งาน
ประหยัดพลังงานเพราะปั๊มไม่ทำงานเกินความจำเป็น
สรุป: หากคุณติดตั้งระบบดับเพลิง แต่ไม่มีระบบควบคุมแรงดัน โอกาสที่ระบบจะล้มเหลวในเหตุการณ์จริงมีสูงมาก
นี่คือเช็กลิสต์ที่ MR. THAI WATER แนะนำให้ลูกค้าดูเสมอ
ปั๊มแรงดันต่ำ = ไม่เหมาะกับหัว Jet
ปั๊มแรงดันกลาง = เหมาะกับ Fog
ปั๊มแรงดันสูง = เหมาะกับ Fire Hose และ Jet
ทองเหลือง (Brass) → ทนความร้อนสูง อายุยาว
อลูมิเนียม → เบา ใช้งานในอาคารทั่วไป
พลาสติกคุณภาพสูง (ABS) → สำหรับงานเบา
หัวฉีดดับเพลิงที่ใช้ผิดขนาดอาจทำให้น้ำรั่ว หรือแรงดันหาย
ขนาดที่นิยมใช้:
1 นิ้ว
1.5 นิ้ว
2.5 นิ้ว (มาตรฐาน Hydrant)
ปรับหมอก/เส้นตรงได้
ระบบเปิด–ปิดรวดเร็ว
หมุนปรับแรงดัน
จับถนัดมือ น้ำหนักเหมาะสม
ตอบ: ไม่มีคำว่าดีที่สุด แต่มีคำว่า “เหมาะสมที่สุด” ขึ้นอยู่กับสถานที่และแรงดันระบบ เช่น อาคารทั่วไปใช้ Fog ส่วนโรงงานใช้ Jet หรือ Fire Hose Nozzle
ตอบ: ส่วนใหญ่ไม่เหมาะ เพราะแรงดันไม่พอ ควรใช้ปั๊มแรงดันสูงพร้อม Pressure Control
ตอบ: ทุก 3–6 เดือน ควรทดสอบน้ำจริงปีละครั้ง
ต้องการติดตั้งระบบดับเพลิงหรือเลือกหัวฉีดที่เหมาะสม?
ติดต่อ MR. THAI WATER – ผู้เชี่ยวชาญระบบน้ำและความปลอดภัยอัคคีภัย
Line: @thaiwater
ดูสินค้า: https://www.thaiwatersystem.com/search?q=ดับเพลิง
| หน้าที่เข้าชม | 6,717,155 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 3,032,604 ครั้ง |
| ร้านค้าอัพเดท | 13 ธ.ค. 2568 |
