ปั๊มน้ำ 12 โวลต์ รุ่น SEAFLO-3ุ6 แรงดัน 8.3 บาร์
- เครื่องพ่นหมอก ยี่ห้อ : SEAFLO
- เครื่องพ่นหมอก Model : SFDP1-018-120-36
ไม่สามารถใช้กับไฟบ้าน 220V โดยตรงได้ครับ
คุณสมบัติเครื่องพ่นหมอก
- เครื่องพ่นหมอก สามารถใช้งานกับแบตเตอร์รี่ 12V ( Battery ) หรือ แผงโซล่าเซลล์ ( Solarcell ) หรือไฟฟ้า 12 VDC
- เครื่องพ่นหมอก อัตราการไหลสูงสุด 420 ลิตร/ชั่วโมง
- เครื่องพ่นหมอก อัตราการไหลสูงสุด 7 ลิตร/นาที
- เครื่องพ่นหมอก แรงดันไฟฟ้า 12 โวลต์
- เครื่องพ่นหมอก ท่อน้ำเข้า-ออก เกลียวใน 3/8"
- เครื่องพ่นหมอก กินกระแสไฟฟ้าสูงสุด : 12A
- เครื่องพ่นหมอก กำลังไฟฟ้า 144 วัตต์ ( ควรใช้กับแผงโซล่าเซลล์ไม่ต่ำกว่า 120 วัตต์ )
- เครื่องพ่นหมอก แรงดัน : 8.3 บาร์
- เครื่องพ่นหมอก แรงดัน : 120 PSI
- เครื่องพ่นหมอก ไม่มีสวิตช์แรงดันอัตโนมัติ ( No Pressure switch ) ปั๊มจะไม่กระตุก
*** ถ้าจะต่อกับไฟบ้านแนะนำให้ใช้ หม้อแปลงไฟ 220V 12V 30A หรือ Adapter 12VDC 18A
ตัวอย่างการใช้งานเครื่องพ่นหมอก
- เครื่องพ่นหมอก พ่นหมอกโรงเพาะเห็ด โรงเรือน ระบายความร้อนรอบอาคาร
- เครื่องพ่นหมอก เหมาะกับหัวพ่นขนาด 0.1 0.2 และ 0.3 mm.
- เครื่องพ่นหมอก สามารถใช้ทำสปริงเกอร์ได้
- ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำดื่ม RO ( อาร์โอ ) ระบบ Reverse Osmosis
- ใช้กับประปา โดยใช้ร่วมกับโซลินอยด์วาล์ว หรือตามขนาดท่อที่ต้องการ
การคำนวณการใช้งานหัวพ่นหมอกละเอียด 0.3 mm. อย่างคร่าวๆ
1. ปั๊มน้ำสามารถใช้กับหัวพ่นหมอกได้กี่หัว ? ( สมมติเราใช้หัวพ่นหมอกละเอียด 0.3 mm. อัตราน้ำ 4 ลิตร / ชม. / หัว )
- เครื่องพ่นหมอกสามารถให้อัตราน้ำสูงสุด 420 ลิตร / ชม.
- หัวพ่นละเอียด 0.3 mm. ( อัตราน้ำ 4 ลิตร / ชม. )
ดังนั้นจะได้จำนวนหัวโดยประมาณ = 420 / 4 = 105 หัว
*** แต่เราต้องหักสัมประสิทธิ์การสูญเสีย เช่น แรงเสียดทานภายในท่อ การงอของท่อ ความยาวท่อ ขนาดท่อ อัตราการสูญเสียอื่น เป็นต้น ดังนั้นให้เราคิดประสิทธิภาพของปั๊ม 90%
สรุป เราจะสามารถติดตั้งหัวพ่นหมอกได้ประมาณ 105 หัว x 0.9 = 94 หัว
หมายเหตุ : แปรงถ่านมีอายุใช้งานประมาณ 500-1,000 ชั่วโมง มีอะไหล่เปลี่ยน
สินค้ารับประกันเดือน 3 เดือน ยกเว้น ไหม้ ช็อต ต่อตรงกับโซล่าเซลล์
ต่อกับหม้อแปลงไฟฟ้า น้ำเข้าสายไฟ น้ำโคลนหรือสิ่งสกปรกต่างๆ
เครื่องกรองน้ำระบบ RO.(Reverse Osmosis System) ใช้อุตสาหกรรมทั่วไป
ระบบ รีเวอร์ส ออสโมสิส หรือ RO.
หลักการ : คือการใช้แรงดันให้น้ำ ผ่านเยื่อเมมเบรน (Membrane) ที่มีความสามารถสามารถในการกรองได้ละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน หรือเล็กกว่าเส้นผมถึง 500,000 เท่า (เส้นผม=50 ไมครอน) สามารถกรองได้ถึง ไอออนและโมเลกุลของสารละลายที่อยู่ในน้ำ ดังนั้น จึงมีเพียง น้ำบริสุทธิ์ เท่านั้นที่สามารถ ผ่านเยื่อเมมเบรน (Membrane)ได้ ระบบ RO.จึงสามารถป้องกัน สารตกค้าง และเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถพิสูจน์ ได้ด้วยกระบวนการวิเคราะห์ทาง ฟิสิกส์, เคมี, พิษวิทยาและ จุลชีววิทยา
การทำงาน: น้ำจะไหลผ่านไส้กรอง 5 ไมครอน และเพิ่มความดันน้ำด้วยปั๊มแรงดันสูง(High Presser Pump) เพื่อให้น้ำเข้าสู่ไส้เมมเบรน แล้วแยกออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1.เป็นน้ำบริสุทธิ์(Permeate) ผ่านโฟร์มิเตอร์ เพื่อวัดปริมาณน้ำที่ได้ แล้วเข้าถังเก็บน้ำบริสุทธิ์ เมื่อน้ำบริสุทธิ์เต็มถัง สวิทซ์ลูกลอยจะตัด วงจรไฟฟ้า ปั๊มจะหยุดทำงานทันที โดยโซลินอยด์วาล์วจะตัดน้ำอัตโนมัติไม่ให้น้ำไหลเข้าระบบRO. ทำให้ไม่มีน้ำทิ้งไหลออกจากRO.ในขณะเครื่องหยุดทำงาน เมื่อเปิดน้ำไปใช้อีกครั้ง น้ำในถังเก็บน้ำบริสุทธิ์ จะลดลง สวิทซ์ลูกลอยไฟฟ้าจะต่อไฟฟ้าให้ปั๊มทำงานอีกครั้ง และหยุดเมื่อน้ำเต็มถัง และมีระบบตัดไฟฟ้าไม่ให้ปั้มแรงดันสูงทำงานเมื่อไม่มีน้ำดิบ และเมื่อเกิดแรงดันน้ำสูงในไส้แมมเบรน(ไส้แมมเบรนอุดตัน) เพื่อป้องกันปั้มพัง การออกแบบระบบควบคุมของเรา ใช้สมองกล(PLC)เป็นชุดควบคุมหลัก
ส่วนที่ 2.เป็นน้ำเข้มข้น แยกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1.เป็นน้ำรีไซเคิล(Recirculated) ผ่านโฟร์มิเตอร์ เพื่อวัดปริมาณน้ำกลับมาเข้าปั๊มแรงดันสูง อีกครั้งเพื่อรักษาความเร็วของน้ำทีผ่านหน้าไส้ ให้ได้ตาม สเปคไส้เมมเบรน เพื่อไม่ให้ไส้เมมเบรนเกิดการอุดตัน
ส่วนที่ 2.เป็นน้ำทิ้ง(Brine) ผ่านเข้าชุดควบคุมประมาณน้ำทิ้ง ผ่านโฟร์มิเตอร์ ออกทิ้งอยู่ที่ประมาณ 30% และผ่าน โซลีนอยวาล์ว ที่มีหน้าที่ ฝลัดล้างไส้เมมเบรน การผลิตน้ำของเครื่องRO. ระบบจะแบ่งน้ำออกเป็น 2 ส่วนดังที่กล่าวมาแล้ว ในขณะที่เครื่องทำงาน ส่วนของน้ำเข้มข้น จะมีการทิ้งออกตลอดเวลา จึงเปรียบเสมือนมีการล้างไส้เมมเบรน อยู่ตลอด จึงทำให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา
ในปัจจุบัน RO.ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งใน ยุโรป อเมริกา และเอเชีย ส่วนในประเทศไทยเราเป็นที่รู้จักและนิยมใช้มาประมาน 15 ปีแล้ว เป็นเครื่องกรองน้ำที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า สามารถแก้ปัญหาน้ำต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น น้ำประปา น้ำบาดาล น้ำกร่อย น้ำเค็มและน้ำทะเล
|